ทักษะที่จำเป็น 3 ประการ
ทักษะการสื่อสารอยางมีประสิทธิภาพ
การสื่อสาร เปนกระบวนการสรางความเขาใจกันระหวางบุคคล
โดยอาจเปนการสื่อสารทางเดียว (one-way communication) คือ
การสื่อขาวสารจากผูสงสาร ไปยังผูรับสาร โดยไมมีการสื่อสารกลับ
หรือสะทอนความรูสึกกลับไปยังผูสงสารอีกครั้ง สวนการสื่อสารสองทาง (Two-wayCommunication)
เปนการสื่อขาวสารจากผูสงสารไปยังผูรับสาร และมีการสื่อสารกลับ
หรือสะทอนความรูสึกกลับจากผูรับสาร ไปยังผูสงสารอีกครั้ง จึงเรียกวา
เปนการสื่อสารสองทางการสื่อสารระหวางบุคคล นับวาเปนความจําเปนอยางยิ่ง
เพราะในการดําเนินชีวิตปกติในปจจุบัน การสื่อสารเขามามีบทบาทอยางยิ่งในทุกกิจกรรม
ไมวาจะเปนการสื่อสารดวย การพูด การเขียน การแสดงกิริยาทาทาง
หรือการใชเครื่องมือสื่อสารที่เปนเทคโนโลยีสมัยใหม ตาง ๆ
เชน
โทรศัพท Internet
e-mail ฯลฯ ทั้งนี้ การสื่อสารดวยวิธีใด ๆ ก็ตาม
ควรทําใหผูสงสาร และผูรับสารเกิดความเขาใจอันดีตอกัน
และเกิดสัมพันธภาพที่ดีตามมา ซึ่งทักษะที่จําเปนในการสื่อสาร ไดแกการรูจักแสดงความคิดเห็น
หรือความตองการใหถูกกาลเทศะ และการรูจักแสดงความชื่นชมผูอื่น การรูจักขอรอง
การเจรจาตอรองในสถานการณคับขันจําเปน การตักเตือนดวยความจริงใจ และใชวาจาสุภาพ
การรูจักปฏิเสธเมื่อถูกชักชวนใหปฏิบัติในสิ่งที่ผิดขนบธรรมเนียมประเพณี
หรือผิดกฎหมาย เปนตน
การสื่อสารดวยการปฏิเสธ
หลาย ๆ คนไมกลาปฏิเสธคําชักชวนของเพื่อน
หรือคนรัก เมื่อไปทําในสิ่งที่ตนเองไมเห็นดวย เชน
การมีเพศสัมพันธที่ไมปลอดภัย การเที่ยวซองโสเภณี การเสพยาเสพติด ฯลฯ อันที่จริงการปฏิเสธเปนสิทธิของทุกคน
การปฏิเสธคําชักชวนของเพื่อน หรือคนรักเมื่อทําในสิ่งที่ตนเองไมเห็นดวยอยางเหมาะสม
และไดผลจะชวยปองกันการมีพฤติกรรมเสี่ยงได คนสวนใหญไมกลาปฏิเสธคําชักชวนของเพื่อน
หรือคนรัก เพราะกลัวว่าเพื่อน หรือคนรักจะโกรธ แตถาสามารถปฏิเสธไดถูกตองตามขั้นตอนจะไมทําใหเสียเพื่อน
การปฏิเสธที่ดี จะตองปฏิเสธอยางจริงจัง
ทั้งทาทาง คําพูด และน้ำาเสียง เพื่อแสดงความตั้งใจอยางชัดเจนที่จะขอปฏิเสธมี 3
ขั้นตอน คือ
1. บอกความรูสึกเปนขออางประกอบเหตุผล
เพราะการบอกความรูสึกจะโตแยงยากกวาการบอกเหตุผลอยางเดียว
2. การขอปฏิเสธเปนการบอกปฏิเสธชัดเจนดวยคําพูด
3. การถามความเห็นชอบเพื่อรักษาน้ําใจของผูชวน
และความขอบคุณเมื่อผูชวนยอมรับการปฏิเสธ
ทักษะการสรางสัมพันธภาพระหวางบุคคล
คงไดยินคําพูดนี้บอย ๆ วา “คนเราอยูคนเดียวในโลกไมได” เราตองพึ่งพาอาศัยกันซึ่งจะตองมีสัมพันธภาพที่ดีตอกัน การที่จะสรางสัมพันธภาพใหเกิดขึ้นระหวางกันนั้น
เปนเรื่องไมยาก แรกเริ่มคือ
1. มีการติดตอพบปะกันเราจะตองมีการติดตอพบปะพูดคุยกับคนที่ตองการมีสัมพันธภาพกับเขา
ใหเวลากับเขา ทํางานรวมกัน ทํากิจกรรมรวมกัน เลนกีฬาดวยกัน
และในที่สุดเราก็มีโอกาสสรางมิตรภาพที่ดีตอ
กัน
2. มีความสนใจและประสบการณรวมกันประสบการณเปนสิ่งที่นําคนสองคนใหมารวมมือกัน
การชวยเหลือกันในระหวางการเลาเรียน หรือการทํางานดวยกัน
มีความสนใจในเรื่องเดียวกัน การรวมประสบการณ และแลกเปลี่ยนประสบการณระหวางกัน
เปนการสรางมิตรภาพที่ดีใหเกิดขึ้นได
3. มีทัศนคติและความเชื่อที่คลายคลึงกันชวงวัยรุนเปนชวงที่ความคิด
ทัศนคติ และความรูสึกอาจมีการเปลี่ยนแปลงอยางรวดเร็ว
ถาคนไหนมีความคิดเห็นคลายคลึงกับเรา เราจะรูสึกพอใจ
แตถาคนไหนมีความคิดแตกตางกับเรา เราจะรูสึกไมพอใจ
แตในความเปนจริงตองเขาใจวา คนสวนใหญไมไดมีความเห็นเหมือนกันทุกเรื่อง
แมในคนที่เปนมิตรตอกันเพียงใดก็ตาม
ทักษะการเขาใจผูอื่น
การที่บุคคลจะอยูในครอบครัว
อยูในสังคมอยางมีความสุข จําเปนตองรูจักตนเองและรูจักผูที่ตนเกี่ยวของสัมพันธดวย
ดังภาษิตจีนที่วา “รูเขา รูเรา รบรอยครั้ง ชนะรอยครั้ง”ดังนั้น
การที่เราจะทําความรูจักผูอื่น ซึ่งเราจะตองเกี่ยวของสัมพันธดวย
ไมวาจะเปนภายในครอบครัวของเราเอง หรือในสถานศึกษา ในสถานที่ทํางาน
เพราะเราไมสามารถอยูคนเดียวไดในทุกที ทุกสถานการณ
หลักในการเขาใจผูอื่น
มีดังนี้
1.
ตองคํานึงวาคนทุกคนมีศักดิ์ศรีความเปนมนุษยเชนเดียวกับเรา จึงควรปฏิบัติกับเพื่อนมนุษยทุกคนดวยความเคารพในศักดิ์ศรีของความเปนมนุษยเทาเทียมกัน
ไมวาจะเปน คนจนคนรวย คนแก เด็ก คนพิการ ฯลฯ
2. บุคคลทุกคนมีความแตกตางกัน ทั้งพื้นฐานความรู
ฐานะทางเศรษฐกิจ สภาพความเปนอยู ระดับการศึกษา การปลูกฝงคุณธรรม คานิยม
ระเบียบ วินัย ความรับผิดชอบ ฯลฯ ดังนั้นหากเรายอมรับความแตกต่างระหวางบุคคลดังกลาว
จะทําใหเราพยายามทําความเขาใจเขา และสื่อสารกับเขาดวยกิริยาวาจาสุภาพ
ซึ่งหากยังไมเขาใจเราก็จําเปนตองอดทน และอธิบายดวยภาษาที่เขาใจงายไมแสดงอาการดูถูกดูแคลน
หรือแสดงอาการหงุดหงิด รําคาญ เปนตน
3. การเอาใจเขามาใสใจเรา
บุคคลทั่วไปมักชอบใหคนอื่นเขาใจตนเอง ยอมรับ ในความตองการ ควรเปนตัวตนของตนเอง
ดังนั้นจึงมักมีคําพูดติดปากเสมอ เชน ฉันอยางนั้น ฉันอยางนี้
ทําไมเธอไมทําอยางนั้น ทําไมเธอไมทําอยางนี้ ทําไมเธอถึงไมเขาใจฉัน ฯลฯ
ซึ่งเปนการเอาใจเราไปยัดเยียดใสใจเขา และมักไมพึงพอใจในทุกเรื่อง ทุกฝาย
ทั้งนี้ในดานกลับกัน หากเราคิดใหม ปฏิบัติใหม โดยพยายามทําความเขาใจผูอื่นไมว่าจะเปน
พอแมเขาใจลูก หรือลูกเขาใจ พอแม เพื่อนเขาใจเพื่อน
โดยการทําความเขาใจวาเขาหรือเธอมีเหตุผลอะไร ทําไมจึงแสดงพฤติกรรมเชนนั้น
เขามีความตองการอะไร เขาชอบอะไร ฯลฯ เมื่อเราพยายามเขาใจเขา
และปฏิบัติใหสอดคลองกับความชอบความตองการของเขาแลว ก็จะทําใหการอยูรวมกัน
หรือการทํางานรวมกันเปนไปดวยความราบรื่นและแสดงความสงบสันติสุขในครอบครัว ชุมชน
และสังคม
4. การรับฟงผูอื่น
การที่เราจะเขาใจผูอื่นไดดีหรือไม ขึ้นอยูกับวาเรารับฟงความคิดเห็น
ความตองการของเขามากนอยเพียงใด บุคคลทั่วไปในปจจุบันไมชอบฟงคนอื่นพูด
แตชอบที่จะพูดใหคนอื่นฟง และปฏิบัติตาม ดังนั้น
สิ่งสําคัญที่เปนพื้นฐานที่จะทําใหเราเขาใจผูอื่นก็คือ ทักษะการฟง
ซึ่งจะตองเปนการฟงอยางตั้งใจ ไมขัดจังหวะ หรือแสดงอาการเบื่อหนาย
และควรแสดงกิริยาตอบรับ เชน สบตา ผงกศีรษะ ทั้งนี้ การฟงอยางตั้งใจ
จะทําใหเรารับทราบความคิด ความตองการ หรือปญหาของผูที่เราเกี่ยวของดวย
ไมวาจะเปนในฐานะลูกกับพอแม พอแมกับลูก นายจางกับลูกจางหัวหนากับลูกนอง
ฯลฯ ซึ่งจะทําใหเราเกิดอาการเขาใจ และสามารถแกปญหาไดอยางถูกตองในที่สุด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น