เรื่องที่ 1
โครงสร้าง หน้าที่และการทํางานของระบบต่าง ๆ ที่สําคัญของร่างกายและ
การดูแลอวัยวะ
รักษาและการป้องกันความผิดปกติของระบบอวัยวะ
ร่างกายของมนุษย์ประกอบขึ้นจากหน่วยเล็กที่สุด คือ เซลล์จํานวนหลายพันล้าน เซลล์
เซลล์ที่มีโครงสร้างและหน้าที่คล้ายคลึงกันมารวมเป็นเนื้อเยื่อ
เนื้อเยื่อมีหลายชนิด แต่ละชนิด เมื่อมาประกอบกันจะเป็นอวัยวะ
อวัยวะที่ทําหน้าที่ประสานสัมพันธ์กันรวมเรียกว่า ระบบในร่างกาย มนุษย์
ประกอบด้วยระบบการทํางานทั้งสิ้น 10 ระบบ
แต่ละระบบมีการทํางานที่ประสานสัมพันธ์กัน กลไกทํางานของร่างกายมีการทํางานที่ซับซ้อน
โดยมีระบบประสาทรวมทั้งฮอร์โมนจากระบบต่อม
ไร้ท่อเป็นหน่วยควบคุมการทํางานของร่างกาย อวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายนั้นมีมากมาย มีทั้งอวัยวะที่เรามองเห็น
ซึ่งส่วนใหญ่จะอยูู่ ภายนอกร่างกาย และอวัยวะที่เรามองไม่เห็นซึ่งอยู่ภายในร่างกายของคนเรา
การทํางานของระบบอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย ประกอบด้วยโครงสร้างที่สลับซับซ้อนยิ่ง
กว่าเครื่องยนต์กลไกที่มนุษย์สร้างขึ้นเป็นอย่างมาก
ธรรมชาติได้สร้างระบบอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายอย่างน่า พิศวง พอจําแนกได้เป็น 10
ระบบ ซึ่งแต่ละระบบก็จะทํางานไปตามหน้าที่
และมีความสัมพันธ์ต่อกันในการ ทํางานอย่างวิเศษสุด ระบบอวัยวะต่าง ๆ
ของร่างกายทั้ง 10 ระบบ มีดังนี้ 1. ระบบผิวหนัง
(Integumentary System) 2. ระบบโครงกระดูก (Skeletal
System) 3. ระบบกล้ามเนื้อ (Muscular System) 4. ระบบยอยอาหาร (Digestive System) 5. ระบบขับถ่ายปัสสาวะ
(Urinary System) 6. ระบบหายใจ (Respiratory System)
7. ระบบไหลเวียนเลือด (Circulatory System) 8. ระบบประสาท (Nervous System) 9. ระบบสืบพันธุ์ (Reproductive
System) 10. ระบบต่อมไร้ท่อ (Endocrine System) ระบบอวัยวะที่จัดว่าเป็นระบบโครงสร้างพื้นฐานของร่างกาย คือ ระบบผิวหนัง
ระบบโครงกระดูก และระบบกล้ามเนื้อ ระบบอวัยวะทั้ง 3 มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์
กล่าวคือ ระบบ ผิวหนังทําหน้าที่ปกคลุมร่างกาย
ซึ่งรวมทั้งการหุ้มห่อป้องกันอันตรายระบบโครงกระดูกและ กล้ามเนื้อด้วย สําหรับระบบกระดูกทําหน้าที่เป็นโครงร่างของร่างกาย
เป็นที่ยึดเกาะของกล้ามเนื้อ
เมื่อกล้ามเนื้อหดตัวทําให้ร่างกายสามารถเคลื่อนไหวส่วนต่าง ๆ ได้ ระบบทั้ง 3
นอกจากมีการทํางาน เกี่ยวข้องกันและต้องทํางานประสานกับระบบอื่น ๆ
อีกด้วย ในชั้นนี้จะกล่าวถึงการทํางานของระบบอวัยวะ 4 ระบบ
คือระบบผิวหนัง ระบบกล้ามเนื้อ ระบบ กระดูก และระบบไหลเวียนโลหิต
1. ระบบผิวหนัง

ผิวหนังประกอบด้วย
2 ส่วน คือ ส่วนที่อยู่บนพื้นผิว เรียกว่า หนังกําพร้า (Epidermis)
ส่วนที่อยู่ลึกลงไป เรียกว่า หนังแท้ (Dermis) 1. หนังกําพร้า (Epidermis) เป็นผิวหนังส่วนบนสุด
ประกอบด้วยเซลล์บาง ๆ ตรง พื้นผิวไม่มีนิวเคลียส
และจะเป็นส่วนที่มีการหลุดลอกออกเป็นขี้ไคล และสร้างเซลล์ขึ้นมาทดแทน
อยู่เสมอส่วนต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชั้นผิวหนังกําพร้า ได้แก่ เล็บมือ เล็บเท้า ขน
และผม ส่วนเซลล์ ชั้นในสุดที่ทําหน้าที่ผลิตสีผิว (Melanin) เรียกว่า
สเตรตัม เจอร์มินาทิวัม (Stratum Germinativum) 2. หนังแท้
(Dermis) ผิวหนังแท้อยู่ใต้ผิวหนังกําพร้า หนาประมาณ 1-2
มิลลิเมตร ประกอบด้วย เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน 2 ชั้น
คือ 2.1 ชั้นบนหรือชั้นตื้น (Papillary Layer) เป็นชั้นที่นูน ยื่นเข้ามาแทรกเข้าไปใน หนังกําพร้า เรียกว่า เพ็บพิลารี (Papillary)
มีหลอดเลือด และปลายประสาทฝอย 2.2 ชั้นล้างหรือชั้นลึก
(Reticular Layer) มีไขมันอยู่ มีรากผมหรือขนและต่อม ไขมัน (Sebaceous
Glands) อยู่ในชั้นนี้
เลือดแดงจากหัวใจไปเลี้ยงเซลล์ต่าง
ๆ ของร่างกาย หลอดเลือดดํา (Veins) จะนําเลือดที่ใช้แล้วจาก
ส่วนต่าง ๆ
ของร่างกายกลับสู่หัวใจ แล้วส่งไปฟอกที่ปอด หลอดเลือดฝอย (Capillaries)
เป็นแขนง
เล็ก ๆ
ของทั้งหลอดเลือดแดงและหลอดเลือดดํา ผนังของหลอดเลือดฝอยจะบางมากมีอยู่ทั่วไปใน
ร่างกาย
จะเป็นที่แลกเปลี่ยนอาหาร ก๊าซ และของเสียต่าง ๆ
ระหว่างเลือดกับเซลล์กับเซลล์ของร่างกาย
เพราะอาหาร ก๊าซ
และของเสียต่าง ๆ สามารถซึมผ่านได้ การสร้างเสริมและดํารงประสิทธิภาพการทํางานของระบบผิวหนัง
ผิวหนังเป็นอวัยวะภายนอกที่ห่อหุ้มร่างกาย ช่วยส่งเสริมบุคลิกภาพของบุคคลและ
บ่งบอกถึงการมีสุขภาพที่ดีและไม่ของแต่ละคนด้วย เช่น คนที่มีสุขภาพดี
ผิวหนังหรือผิวพรรณจะ เต่งตึง สดใส แข็งแรง ซึ่งจะตรงกันข้ามกับผู้ที่มีสุขภาพไม่ดีหรือเจ็บป่วย
ผิวหนังจะแห้ง ซีดเซียว หรือผิวหนังเป็นแผลตกสะเก็ด เป็นต้น ดังนั้น
จึงจําเป็นต้องสร้างเสริมและดูแลผิวหนังให้มีสภาพที่สมบูรณ์มีประสิทธิภาพในการ
ทํางานอยู่เสมอ ดังนี้
1. อาบน้ําชําระล้างร่างกายให้สะอาดด้วยสบู่อย่างน้อยวันละ
1-2 ครั้ง
2. ทาครีมบํารุงผิวที่มีคุณภาพและเหมาะสมกับผิวของตนเอง
ซึ่งตามปกติวัยรุ่นจะมี ผิวพรรณเปล่
่งปลั่งตามธรรมชาติอยู่แล้ว
ไม่จําเปนที่จะตองใชครีมบํารุงผิว ยกเวนในชวงอากาศ หนาว ซึ่งจะทําใหผิวแหง
แตก 3. ทาครีมกันแดดกอนออกจากบานเมื่อตองไปเผชิญกับแดดรอนจัด
เพื่อปองกัน อันตรายจากแสงแดดที่มีรังสีซึ่งเปนอันตรายตอผิวหนัง 4. สวมเสื้อผาที่สะอาดพอดีตัวไมคับหรือหลวมเกินไป และเหมาะสมกับภูมิอากาศ
ตามฤดูกาล 5. รับประทานอาหารใหครบทุกหมู
และเพียงพอตอความตองการโดยเฉพาะผักและ ผลไม 6. ดื่มน้ําสะอาดอยางนอยวันละ
6-8 แกว น้ําจะชวยใหผิวพรรณสดชื่นแจมใส 7. ออกกําลังกายเปนประจําเพื่อใหรางกายแข็งแรง 8. นอนหลับ
พักผอนใหเพียงพออยางนอยวันละ 8 ชั่วโมง 9. ดูแลผิวหนังอยาใหเปนแผล ถามีควรรีบรักษาเพื่อไมไดเกิดแผลเรื้อรัง
เพราะ แผลเปนทางผานของเชื้อโรคเขาสูรางกาย
2. ระบบกลามเนื้อ

กลามเนื้อเปนแหลงพลังงานที่ทําใหเกิดการเคลื่อนไหว ในสวนตาง ๆ ของรางกายมี
กลามเนื้ออยูในรางกาย 656 มัด
เราสามารถสรางเสริมกลามเนื้อใหใหญโต แข็งแรงได ดังเชน นัก
เพาะกายที่มีกลามเนื้อใหญโตใหเห็นเปนมัด ๆ
หรือนักกีฬาที่มีกลามเนื้อแข็งแรงสามารถปฏิบัติงาน 6 อยางหนักหนวงไดอยางมีประสิทธิภาพ
อดทนตอความเมื่อยลา กลามเนื้อประกอบดวยน้ํา 75% โปรตีน 20%
คารโบไฮเดรต ไขมัน เกลือแร และอื่น ๆ อีก 5%
ความสําคัญของระบบกลามเนื้อ
1. ชวยใหรางกายสามารถเคลื่อนไหวไดจากการทํางาน
ซึ่งในการเคลื่อนไหวของ รางกายนี้
ตองอาศัยการทํางานของระบบโครงกระดูกและขอตอตาง ๆ ดวย โดยอาศัยการยืด และหดตัว
ของกลามเนื้อ 2. ชวยใหอวัยวะภายในตาง ๆ เชน หัวใจ ปอด
กระเพาะอาหาร ลําไสเล็ก ลําไส ใหญ หลอดเลือด ทํางานไดตามปกติและมีประสิทธิภาพ
เนื่องจากการบีบรัดตัวของกลามเนื้อของ อวัยวะดังกลาว 3. ผลิตความรอนใหความอบอุนแกรางกาย
ซึ่งความรอนนี้เกิดจากการหดตัวของ กลามเนื้อ แลวเกิดปฏิกิริยาทางเคมี 4.
ชวยปองกันการกระทบกระเทือนจากอวัยวะภายใน 5. เปนที่เกิดพลังงานของรางกาย
ชนิดของกลามเนื้อ
กลามเนื้อแบงตามลักษณะรูปรางและการทํางานได 3 ชนิด คือ 1.
กลามเนื้อลาย (Striated Muscle or Crosstripe Muscle) เปนกลามเนื้อที่ ประกอบเปนโครงรางของรางกาย (Skeletal Muscle)
เปนกลามเนื้อที่ประกอบเปนลําตัว หนา แขน ขา เปนตน
โครงสรางและรูปรางลักษณะไฟเบอร (Fiber) หรือเซลลของเนื้อเยื่อกลามเนื้อลาย
มีรูปรางยาวรีเปนรูปกระสวย ไฟเบอรมีขนาดยาว 1-40 มิลลิเมตร
มีพื้นหนาตัดกวาง 0.01-0.05 มิลลิเมตร
ไฟเบอรแตละอันเมื่อสองดูดวยกลองจุลทรรศนจะพบลายตามขวางเปนสีแกและออน
สลับกัน 7 2. กลามเนื้อเรียบ (Smooth Muscle) กลามเนื้อเรียบประกอบเปนอวัยวะภายใน
รางกาย
เรียกวา กลามเนื้ออวัยวะภายใน ไดแก ลําไส กระเพาะอาหาร กระเพาะปสสาวะ มดลูก
หลอดเลือด หลอดน้ําเหลือง เปนตน กลามเนื้อเรียบสนองตอบสิ่งเรานานาชนิดไดดี
เชน การขยายตัว การเปลี่ยนแปลง ของอุณหภูมิและกระแสประสาท
ความเย็นจะทําใหกลามเนื้อหดตัวไดดี สําหรับความรอนนั้นขึ้นอยู
กับอัตราการใหวาเร็วหรือชา คือ ถาหากประคบความรอนทันทีทันใด
ความรอนจะกระตุนให กลามเนื้อหดตัว แตใหความรอนทีละนอยกลามเนื้อจะคลายตัว
กลามเนื้อเรียบมีความไวตอการ
เปลี่ยนแปลงของสวนประกอบของเลือดหรือน้ําในเนื้อเยื่อ ฮอรโมน วิตามิน ยา เกลือ
กรด ดาง 3. กลามเนื้อหัวใจ (Cardiac Muscle) กลามเนื้อหัวใจจะพบที่หัวใจและผนังเสน
เลือดดําใหญที่นําเลือดเขาสูหัวใจเทานั้น เซลลกลามเนื้อหัวใจมีลักษณะโดยทั่วไปคลายคลึงกับเซลล
กลามเนื้อลาย คือ มีการเรียงตัวใหเห็นเปนลายเมื่อดูดวยกลองจุลทรรศน
กลามเนื้อหัวใจมีลักษณะ แตกกิ่งกานและสานกัน มีรอยตอและชอง (Gap
Junction) ระหวางเซลล ซึ่งเปนบริเวณที่มีความ ตานทานไฟฟาต่ํา
ทําใหเซลลกลามเนื้อหัวใจสามารถสงกระแสไฟฟาผานจากเซลลหนึ่งไปยังอีกเซลล
หนึ่งได้
การสรางเสริมและดํารงประสิทธิภาพการทํางานของระบบกลามเนื้อ
การทํางานของกลามเนื้อที่มีประสิทธิภาพตองทํางานประสานสัมพันธกับกระดูกและ
ขอตอตาง ๆ อยางเหมาะสมกลมกลืนกัน ตลอดจนมีผิวหนังหอหุม ดังนั้น อวัยวะตาง ๆ
เหลานี้จึง ตองไดรับการสรางเสริมบํารุง คือ 1. รับประทานอาหารที่มีประโยชน
โดยเฉพาะวัยรุนตองการสารอาหารประเภท โปรตีน แคลเซียม วิตามิน และเกลือแร
เพื่อเสริมสรางกลามเนื้อและกระดูกใหแข็งแรงสมบูรณ ควรไดรับอาหารที่ใหสารอาหารโปรตีนอยางนอย
1 กรัม ตอน้ําหนักตัว 1 กิโลกรัมตอวัน
และตอง รับประทานอาหารใหครบทุกหมูในปริมาณที่เพียงพอ 2. ดื่มน้ํามาก
ๆ อยางนอยวันละ 6-8 แกว
เพราะน้ํามีความสําคัญตอการทํางานของ ระบบอวัยวะตาง ๆ 8 3. ออกกําลังกายเพื่อสรางเสริมความแข็งแรงใหกับกลามเนื้อ
อยางนอยสัปดาหละ 3 วัน วันละ 30-60 นาที
4. ปองกันการบาดเจ็บของกลามเนื้อโดยไมใชกลามเนื้อมากเกินความสามารถ
3. ระบบโครงกระดูก

มนุษยจะมีรูปรางเหมาะสมสวยงามขึ้นอยูกับกระดูกสวนตาง ๆ ที่ประกอบเปนโครง
รางของรางกายเริ่มแรกกระดูกที่เกิดขึ้นเปนกระดูกออนและเปลี่ยนเปนกระดูกแข็งในระยะตอมา
โดย มีเลือดไปเลี้ยงและนําแคลเซียมไปสะสมในกระดูก
กระดูกจะเจริญทั้งดานยาวและดานกวาง กระดูกจะยาวขึ้นโดยเฉพาะในวัยเด็ก
กระดูกจะยาวขึ้นเรื่อย ๆ จนอายุ 18 ปในหญิงและ 20 ปในชาย แลวจึงหยุดเจริญเติบโต และกลายเปน กระดูกแข็งแรงทั้งหมด
สวนการขยายใหญยังมีอยูเนื่องจากยังมีเซลลกระดูกใหมงอกขึ้นเปนเยื่อหุม รอบ ๆ
กระดูก กระดูกเปนอวัยวะสําคัญในการชวยพยุงรางกายและประกอบเปนโครงราง
เปนที่ยึด เกาะของกลามเนื้อ และปองกันการกระทบกระเทือนตออวัยวะภายในของรางกาย
เมื่อเจริญเติบโต เต็มที่จะมีกระดูก 206 ชิ้น
แบงเปนกระดูกแกน 80 ชิ้น และกระดูกระยางค 126 ชิ้น กระดูกใหญที่สําคัญ ๆ ประกอบเปนโครงราง ไดแก 1. กระโหลกศีรษะ (Skull) ประกอบดวย กระดูก 8 ชิ้น 2. กระดูกใบหนา (Face Bone) ประกอบดวยกระดูก 14 ชิ้น 3. กระดูกที่อยูภายในของหูสวนกลาง
(Ear Ossicles) ประกอบดวยกระดูก 6 ชิ้น
4. กระดูกโคนลิ้น (Hyoid Bone) ประกอบดวยกระดูก
1 ชิ้น 5. กระดูกลําตัว (Hyoid
of the Trunk) ประกอบดวยกระดูก 26 ชิ้น 6.
กระดูกหนาอก (Sternum) ประกอบดวยกระดูก 1
ชิ้น 7. กระดูกซี่โครง (Ribs)ประกอบดวยกระดูก 24 ชิ้น หรือ 12 คู 8. กระดูกแขนและขา (Appendicular
Skeleton) ประกอบดวยกระดูก 126 ชิ้น
เลือดและทางเดินของเลือด
1. เลือด (Blood) เปนของเหลวสีแดงมีฤทธิ์เปนดาง
มีความเหนียวกวาน้ําประมาณ 5 เทา
รางกายคนเรามีเลือดอยูประมาณ 10% ของน้ําหนักตัว
ในเลือดจะประกอบดวยพลาสมา (Plasma) มีอยูประมาณ 55%
ของปริมาณเลือดในรางกายและมีเซลลเม็ดเลือด (Corpuscle) ซึ่งมีทั้ง เม็ดเลือดแดงและเม็ดเลือดขาว และเกล็ดเลือด (Platelets)
ซึ่งรวมกันแลวประมาณ 45% ของปริมาณ
เลือดในรางกาย 2. หัวใจ (Heart) จะมีขนาดประมาณกําปนของตนเอง
ตั้งอยูในทรวงอกระหวาง ปอดทั้ง 2 ขาง พื้นที่ของหัวใจ 2
ใน 3 สวนจะอยูทางหนาอกดานซายของรางกาย
ภายในหัวใจจะแบงเปน 4 หอง ขางบน 2 หอง
ขางลาง 2 หอง มีลิ้นหัวใจกั้นระหวางหองบนและหองลาง
แตละหองจะทํา หนาที่ตางกันคือ หองบนขวาจะรับเลือดเสียจากสวนตาง ๆ
ของรางกายจากหลอดเลือดดํา หองลาง ขวาจะรับเลือดจากหองบนขวาแลวสงไปยังปอด
ปอดจะฟอกเลือดดําใหเปนเลือดแดงเพื่อนําไปใช ใหม หองบนซายจะรับเลือดแดงจากปอด
หองลางซายจะรับเลือดจากหองบนซายแลวสงผานหลอด เลือดแดงไปยังสวนตาง ๆ
ของรางกาย
เสริมสรางและดํารงประสิทธิภาพการทํางานของระบบไหลเวียนเลือด
1. รับประทานอาหารใหครบ 5 หมู
และมีปริมาณที่เพียงพอตอความตองการของ รางกาย 2. ลดปริมาณการรับประทานอาหารที่มีไขมัน
และมีสารคอเลสเตอรอล (Cholesterol) สูงเมื่อเขาสูวัยผูใหญ
เนื่องจากจะทําใหเกิดไขมันในเลือดสูง เชน กุง ปลาหมึก กะทิ อาหารประเภทผัด ทอด
หนังสัตว ไขมันสัตว เปนตน อยางไรก็ตาม สารอาหารประเภทไขมันยัง จัดวาเปนสารอาหารที่จําเปนในวัยเด็กและวัยรุน
เพราะไขมันเปนสวนประกอบของโครงสรางผนัง เซลลและเปนแหลงของพลังงาน ดังนั้น
วัยรุนควรรับประทานอาหารที่มีไขมันบางในปริมาณที่ เหมาะสมตามขอแนะนําทางโภชนาการ
3. ออกกําลังกายอยางสม่ําเสมออยางนอยสัปดาหละ 3 วัน วันละอยางนอย 30 นาที 4. ทําจิตใจใหราเริงแจมใส ดูแลสุขภาพจิตของตนเองใหดี 5. ควรมีเวลาพักผอนบาง ไมหักโหมการทํางานจนเกินไป 12 6. ผูใหญควรตรวจวัดความดันเลือดเปนระยะ ๆ และตรวจเลือดเพื่อดูไขมันในเลือด
อยางนอยปละครั้ง 7. งดเวนการสูบบุหรี่ และการดื่มสุรา
ตลอดจนสารเสพติดทุกชนิด 8. เมื่อเกิดความผิดปกติเกี่ยวกับระบบไหลเวียนเลือดควรรีบไปพบแพทย
รางกายของคนเราประกอบดวยอวัยวะตาง ๆ
มากมาย มีทั้งที่มองเห็น ซึ่งสวนใหญ
จะอยูภายนอกรางกาย
และสวนที่เรามองไมเห็นซึ่งจะอยูภายในรางกายของคนเรา แตละอวัยวะจะทํา
หนาที่เฉพาะและทํางานประสานกัน
จึงทําใหรางกายสามารถดํารงชีวิตอยูไดอยางปกติสุข การทํางาน
ของระบบอวัยวะตาง ๆ
ของรางกายจําแนกเปนระบบได 10 ระบบ
ในชั้นนี้ไดศึกษาเพียง 4 ระบบ คือ
ระบบผิวหนัง ระบบกลามเนื้อ
ระบบโครงกระดูกและระบบไหลเวียนเลือดผิวหนังทําหนาที่เหมือนเกราะปองกันสิ่งตาง
ๆ ที่อาจทําอันตรายตอรางกาย กระดูกเปนอวัยวะสําคัญในการชวยพยุงรางกายและประกอบโครงราง
เปนที่ยึดเกาะของกลามเนื้อ ซึ่งกลามเนื้อทั่วรางกายมี 656 มัด มีหนาที่ทําใหคนเราทํางานตาง ๆ ได โดยใชการยืดหดของกลามเนื้อ
ดังนั้นเราจะตองสรางเสริมเพื่อดํารงประสิทธิภาพในการทํางานของระบบผิวหนัง
ระบบกลามเนื้อและระบบโครงกระดูก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น