วันอังคารที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2561

3.2 การเปลี่ยนแปลงเมื่อเข้าวัยหนุ่มสาว



                        เรื่องที่ 2 การเปลี่ยนแปลงเมื่อเขาวัยหนุมสาว

      พัฒนาการทางเพศและการปรับตัวเมื่อเขาสูวัยรุน
     วัยรุนจะมีการเปลี่ยนแปลงทางรางกายอยางรวดเร็ว และมีพัฒนาการทางเพศควบคู
กันไปดวย โดยเพศชายและเพศหญิงจะมีความแตกตางกัน

                             การเปลี่ยนแปลงทางรางกายของเพศหญิง
Image result for การเปลี่ยนแปลงสรีระเพศหญิง
     
                 การเขาสูชวงวัยรุนของเด็กหญิงจะเกิดขึ้นเร็วกวาเด็กชาย คือ จะเริ่มขึ้นเมื่ออายุประมาณ 11-13 ป ตอมใตสมองจะผลิตฮอรโมนที่ไปกระตุนการเจริญเติบโต และกระตุนการทํางานของรังไขใหสรางเซลลสืบพันธุและผลิตฮอรโมนเพศหญิง ในชวงนี้วัยรุนหญิงจะมีการเจริญเติบโตอยางรวดเร็ว สวนสูงและนําหนักเพิ่มมากขึ้น อวัยวะเพศโตขึ้น มีขนขึ้นบริเวณหัวเหนาและรักแร เอวคอดสะโพกผายออก เตานมโตขึ้น อาจมีสิวขึ้นตามใบหนา สวนมดลูก รังไข และอวัยวะที่เกี่ยวของเจริญเติบโตขึ้น เริ่มมีประจําเดือน ซึ่งลักษณะการมีประจําเดือนในเพศหญิงจะเปนการบงบอกวา วัยรุนหญิงไดบรรลุวุฒิภาวะทางเพศแลว และสามารถตั้งครรภไดการมีประจําเดือน (menstruation) เปนปรากฏการณตามธรรมชาติที่เกิดในเพศหญิงเมื่อยางเขาสูวัยรุน โดยรังไขจะสรางฮอรโมนและผลิตไข ปกติไขจะเจริญเติบโตและสุกเดือนละ 1 ฟอง สลับกันระหวางรังไขซายและขวา เมื่อไขสุกจะหลุดออกจากรังไขแลวถูกพัดพาเขาไปในทอรังไขหรือปกมดลูก เพื่อรอรับการผสมจากตัวอสุจิของเพศชาย ในขณะเดียวกันฮอรโมนเพศหญิงที่ผลิตจากรังไขและสงไปตามรางกาย จะทําใหเกิดการเปลี่ยนแปลงของเยื่อบุมดลูก โดยในชวงสัปดาหแรกของรอบเดือน ผนังมดลูกจะหนามากที่สุด มีหลอดเลือดมาเลี้ยงมากมาย เพื่อเตรียมพรอมที่จะรับการเกาะฝงของไขที่ไดรับการผสมจากตัวอสุจิ ถาหากไขไมไดรับการผสม เยื่อบุมดลูกก็จะคอย ๆ หลุดออก หลอดเลือดบริเวณเยื่อบุมดลูกก็จะลอกหลุดและฉีกขาด ทําใหเลือดไหลออกทางปากมดลูกผานชองคลอดออกสูภายนอก เรียกวา ประจําเดือนอาการเมื่อมีประจําเดือน กอนมีประจําเดือน บางคนอาจมีอาการบางอยางเกิดขึ้นได เชน ปวดศรีษะ ทองอืดเฟอปวดเมื่อกลามเนื้อบริเวณหลังและบั้นเอว เตานมตึงและเจ็บหงุดหงิดงาย อารมณไมปกติหรือเบื่ออาหาร คลื่นไสอาเจียน
ขอควรปฏิบัติขณะมีประจําเดือน คือ ใชผาอนามัยอยางถูกวิธี และลางมือ
ใหสะอาดทุกครั้ง นอกจากนี้ขณะมีประเดือน บางคนมีอาการบางอยางดังกลาวขางตน และอาจมีการ
ปวดทองนอยเพิ่มดวย ซึ่งเปนอาการปกติที่จะหายไปเองเมื่อประจําเดือนหยุด หากมีอาการผิดปกติที่
รุนแรง เชน ปวดทองมากขณะมีประจําเดือน มีประจําเดือนนานเกิน 7 วัน หรือประจําเดือนมา
คลาดเคลื่อนจากปกติมาก ควรปรึกษาแพทยโดยเฉพาะสูตินรีแพทยผาอนามัยควรเปลี่ยนบอย ๆ อยางนอยวันละ 2-3 ครั้ง และทุกครั้งหลังอาบน้ําหรือหลังถายอุจจาระ รักษาความสะอาดของรางกายและเสื้อผาที่สวมใส ไมใชเสื้อผารวมกับผูอื่น ออกกําลังกายใหนอยลงกวาปกติ พักผอนใหเพียงพอ ทําจิตใจใหราเริงแจมใส ถามีอาการปวดทองนอยมากใหนอนคว่ําแลวใชหมอนรองใตทองนอยประมาณ 15-20 นาที ประจําเดือนจะออกไดดีและชวยใหทุเลาปวด อาจไมจําเปนตองใชยาแกปวด ควรรับประทานยาแกปวดหากมีอาการปวดมากถาปวดทองรุนแรงมากหรือมีเลือดออกมากผิดปกติควรรีบปรึกษาแพทย และขณะมีประจําเดือนไมควรอาบน้ําแบบแชในแมน้ําลําคลอง อางน้ําในบานหรือสระวายน้ํา เพราะเชื้อโรคในน้ําอาจเขาสูโพรงมดลูกได เนื่องจากปากมดลูกจะเปดเล็กนอย จึงควรอาบน้ําแบบตักหรือใชฝกบัว

การเปลี่ยนแปลงทางรางกายของเพศชาย

Image result for การเปลี่ยนแปลงสรีระเพศชาย         
เด็กชายจะเริ่มเขาสูวัยรุนเมื่ออายุประมาณ 13-15 ป ตอมใตสมองจะผลิต
ฮอรโมนที่ไปกระตุนใหรางกายเจริญเติบโต และกระตุนใหอัณฑะผลิตเซลลสืบพันธุและฮอรโมน
เพศชายมีการเปลี่ยนแปลงของรางกายที่เห็นไดชัดโดยเฉพาะความสูงและน้ําหนักตัวที่เพิ่มขึ้น แขนขา
ยาวเกงกางไหลกวางออก กระดูกและกลามเนื้อแข็งแรงขึ้นและมีกําลังมากขึ้น เสียงแตก นมแตกพาน
มีหนวดเครามีขนขึ้นที่หนาแขง รักแร และบริเวณอวัยวะเพศ บางคนอาจมีสิวขึ้นบริเวณใบหนา
หนาอก หรือหลัง อวัยวะเพศโตขึ้นและแข็งตัวเมื่อมีความรูสึกทางเพศหรือถูกสัมผัส และมีการหลั่ง
น้ําอสุจิหรือน้ํากามออกมาในขณะหลับ (ฝนเปยก) ซึ่งเปนอาการที่บงบอกวาไดบรรลุวุฒิภาวะทางเพศ
แลว และยังหมายถึงการมีความสามารถที่จะทําใหเพศหญิงเกิดการตั้งครรภไดอีกดวย
การฝนเปยก (wet dream) เปนปรากฏการณตามธรรมชาติที่เกิดในเพศชาย
กลาวคือในดานรางกายลูกอัณฑะจะทําหนาที่สรางฮอรโมนเพศชายและตัวอสุจิ โดยจะเก็บสะสมไวที่
ถุงเก็บน้ําอสุจิ ในดานจิตใจและอารมณ ฮอรโมนเพศจะมีผลทําใหวัยรุนเริ่มมีความรูสึกทางเพศ และ
สนใจเพศตรงขาม เมื่อรางกายมีการผลิตน้ําอสุจิเก็บไวมากขึ้น ประกอบกับจิตใจและอารมณมีการ
เปลี่ยนแปลงดังกลาว จะมีผลทําใหเกิดความตึงเครียดของประสาท ในขณะหลับอาจฝน จินตนาการ
เกี่ยวกับเรื่องเพศหรือเรื่องที่หวาดเสียว สงผลใหถุงเก็บน้ําอสุจิรัดตัวทําใหตัวอสุจิและน้ําหลอเลี้ยงถูก
บีบเขาสูทอปสสาวะและขับเคลื่อนออกมาภายนอกโดยอัตโนมัติ ซึ่งเรียกอาการที่เกิดขึ้นนี้วา ฝน
เปยก ซึ่งนับวาเปนการผอนคลายความตึงเครียดทางจิตใจและอารมณทางเพศตามธรรมชาติ จึงไมถือ
วาผิดปกติแตอยางใด
1.3 ตอมไรทอที่มีอิทธิพลตอการควบคุมพัฒนาการทางเพศ
ตอมไรทอที่มีอิทธิพลตอการเจริญเติบโตและพัฒนาการของวัยรุนที่สําคัญ ไดแก
ตอมใตสมองหรือตอมพิทูอิทารี (Pituitary gland) ตอมเพศ (Gonads) ตอมไทรอยด (thyroid gland)
และตอมหมวกไต (adrenal or suprarenal glands) ซึ่งตอมไรทอแตละตอมสงผลตอการเจริญเติบโต
และพัฒนาการของวัยรุน
 1.4อารมณทางเพศ (sexuality) หรือความตองการทางเพศ (sexusl desire)
ในที่นี้จะหมายถึง ความรูสึกของบุคคลที่มีผลมาจากสิ่งเราภายในหรือสิ่งเราภายนอก
ที่เปนปจจัยที่มากระตุนใหเกิดความรูสึกทางเพศขึ้น โดยมีระดับความแตกตางมากนอยตางกัน ขึ้นอยู
กับความสามารถในการควบคุมอารมณและพื้นฐานทางดานวุฒิภาวะของแตละบุคคล
จากความหมายดังกลาวจะเห็นไดวา สิ่งเราภายในและสิ่งเราภายนอกเปนปจจัยสําคัญ
ที่จะสงผลใหอารมณและอารมณทางเพศเกิดขึ้น และเมื่อวิเคราะหในประเด็นที่เกี่ยวของกับ
ความสําคัญของอารมณทางเพศกับวัยรุนแลว สรุปประเด็นที่สําคัญได ดังนี้
1) อารมณทางเพศถือวาเปนสัญชาตญาณในการดํารงเผาพันธุของมนุษยที่
เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เปนตัวบงชี้ประการหนึ่งที่แสดงใหเห็นถึงความสมบูรณของพัฒนาการทางดาน
รางกาย จิตใจ และอารมณของวัยรุน ที่กาวเขาสูชวงของวัยเจริญพันธุมากขึ้น
2) ปจจุบันสื่อหลายรูปแบบที่ปรากฏอยูในสังคมมีสวนชวยกระตุนแรงขับทาง
เพศ (Sex drive) ของวัยรุนใหเกิดอารมณทางเพศไดงายขึ้น การนําเสนอภาพหรือขอความที่เกี่ยวของ
กับเรื่องเพศผานสื่อตาง ๆ เปนปจจัยหนึ่งที่ยั่วยุใหวัยรุนเกิดอารมณทางเพศที่เสี่ยงตอการมีเพศสัมพันธ
ไดงายและเร็วขึ้น โดยสื่อตาง ๆ เหลานี้อาจอยูในรูปแบบของหนังสือหรือภาพยนตรบางประเภท รวม
ไปถึงขอมูลที่ไดจากการสืบคนดวยระบบอินเทอรเน็ต ซึ่งผลกระทบจากอารมณทางเพศในแงลบจะมี
มากยิ่งขึ้น หากวัยรุนขาดความรูความเขาใจในแนวทางการควบคุมอารมณทางเพศอยางถูกตอง จนใน
ที่สุดอาจนําไปสูพฤติกรรมเสี่ยงตอการมีเพศสัมพันธโดยไมตั้งใจ และนํามาสูปญหาตาง ๆ ในสังคมที่
เกี่ยวของกับพฤติกรรมทางเพศที่ไมเหมาะสมของวัยรุนได 3) อารมณทางเพศของวัยรุนหากขาดวิธีการควบคุมที่ถูกตอง จะนําไปสูปญหาพฤติกรรมทางเพศที่ไมเหมาะสมของวัยรุนมากขึ้น วัยรุนแมจะเปนวัยที่มีแรงขับทางเพศสูงกวาทุกวัย และพรอมที่จะมีเพศสัมพันธหรือมีบุตรไดก็ตาม แตสังคมและวัฒนธรรมของไทยก็ยังไมยอมรับที่จะใหวัยรุนชาย-หญิง แสดงพฤติกรรมทางเพศที่ไมเหมาะสมดังกลาว โดยเฉพาะการมี
เพศสัมพันธจนกวาจะไดทําการสมรสหรือยูในชวงวัยที่เหมาะสมอารมณทางเพศที่เกิดขึ้นในชวงการ
เขาสูวัยรุน เปนพัฒนาการอยางหนึ่งที่แสดงใหเห็นถึงความพรอมของรางกายที่จะสืบทอดและดํารงไว
ซึ่งเผาพันธุ โดยมีสิ่งเราสําคัญใน 2 ลักษณะ ประกอบดวย ลักษณะของปจจัยที่เปนสิ่งเราภายใน
(intrinsic stimulus) และลักษณะของปจจัยที่เปนสิ่งเราภายนอก (extrinsic stimulus)
 1) ลักษณะของปจจัยที่เปนสิ่งเราภายใน
ปจจัยที่เปนสิ่งเราภายใน ในที่นี้หมายถึง สิ่งเราซึ่งเปนผลที่เกิดจาก
กระบวนการเปลี่ยนแปลงตาง ๆ ที่เกิดขึ้นในรางกาย โดยไดรับอิทธิพลมาจากการทํางานของระบบ
ตอมไรทอ ซึ่งผลิตฮอรโมน ออกมาเพื่อกระตุนใหรางกายมีการพัฒนาอยางเปนระบบตอเนื่อง
ฮอรโมนเพศเปนปจจัยภายในที่สําคัญที่เปนสิ่งเราใหวัยรุนมีพัฒนาการของอารมณทางเพศเกิดขึ้น
และนําไปสูการเกิดความตองการทางเพศตามชวงวัย ในเพศชายฮอรโมนที่เปนปจจัยสําคัญในเรื่อง
ดังกลาว คือ ฮอรโมนเทสโทสเตอโรน สวนในเพศหญิง คือ ฮอรโมนเอสตราดิโอล และ ฮอรโมน
ฟอลลิคิวลาร
2) ลักษณะของปจจัยที่เปนสิ่งเราภายนอก
ปจจัยที่เปนสิ่งเราภายนอก ในที่นี้หมายถึง สภาพแวดลอมภายนอกตาง ๆ ที่
สามารถกระตุนหรือยั่วยุใหผูที่รับรู หรือไดรับการถายทอดเกิดความรูสึกที่เกิดเปนอารมณทางเพศขึ้น
ประกอบดวยสื่อรูปแบบตาง ๆ ที่กระตุนหรือยั่วยุใหวัยรุนเกิดอารมณทางเพศ ปจจุบันมีสื่อ
หลากหลายรูปแบบโดยเฉพาะ สื่อทางเพศ ไดนําเสนอภาพและ/หรือขอความที่เกี่ยวกับเพศ ซึ่งมักจะ
นําไปสูการกระตุนหรือยั่วยุใหผูรับสื่อโดยเฉพาะในวัยรุน ความหลากหลายของสื่อในลักษณะ
ดังกลาวทําใหมีผูเปรียบเปรยสื่อตาง ๆ เหลานี้เปน สินคาเพศพาณิชย ซึ่งนับวันจะมีการผลิตและนํามา
เผยแพรใหเห็นเพิ่มมากขึ้นคานิยมและพฤติกรรมที่ไมเหมาะสมในบางลักษณะของวัยรุน ผลจากสภาพ
ทางสังคมและวัฒนธรรมที่เกี่ยวของกับเรื่องเพศที่เปลี่ยนไป สงผลใหวัยรุนไทยเกิดคานิยม และมี
พฤติกรรมที่ไมเหมาะสมในหลายลักษณะ เปนตนวา คานิยมในเรื่องการแตงกายตามสมัยนิยม
(Fashion) ที่มากเกินควรของวัยรุน โดยไมคํานึงถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น เชน ลักษณะการสวม
เสื้อผาที่รัดรูป หรือเปดเผยสัดสวนรางกายของวัยรุนเพศหญิง ซึ่งการแสดงออกดังกลาวจะกระตุน
และยั่วยุใหวัยรุนชายเกิดอารมณทางเพศได นอกจากนี้ยังพบวาวัยรุนมักจะมีคานิยมที่เกี่ยวกับความ
ตองการในการแสดงออกโดยอิสระ เปนตนวา การเที่ยวเตรในเวลากลางคืน การสัมผัสรางกายของ
เพศตรงขาม หรือการจับมือถือแขนอยางเปดเผยในที่สาธารณะ การอยูตามลําพังสองตอสอง หรือการ
ไมใหความสําคัญในเรื่องการรักษาพรหมจารี ฯลฯ ซึ่งสิ่งตาง ๆ เหลานี้ถือวาเปนปจจัยภายนอกที่สามารถ
จะกระตุนหรือยั่วยุใหวัยรุนเกิดอารมณทางเพศขึ้นไดความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในขณะที่วัยรุนเกิดการ
เปลี่ยนแปลงทางเพศ อารมณเพศหรือความตองการทางเพศที่เกิดขึ้นกับวัยรุน ไมวาจะเกิดจากสิ่งเรา
ภายในหรือภายนอกก็ตาม มักจะทําใหเกิดการเปลี่ยนแปลงใน 2 ลักษณะสําคัญ ประกอบดวย
ลักษณะการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับสภาพจิตใจ และลักษณะการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับสภาพ
รางกาย
1) ลักษณะการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับสภาพจิตใจ
โดยปกติขณะที่คนเราเกิดอารมณทางเพศจะพบวา มีจิตนาการที่เกี่ยวของกับ
เรื่องเพศอยูในระดับหนึ่ง ซึ่งจะมากหรือนอยหรือมีความแตกตางกัน ยอมขึ้นอยูกับพื้นฐาน
ความสามารถในการควบคุมอารมณและความรูสึกของแตละคน และโดยทั่วไปพบวา ความตื่นเตน
ทางเพศที่เปนพื้นฐานของการเกิดอารมณทางเพศในเพศหญิงจะเกิดไดชากวาเพศชาย อยางไรก็ตาม
ทั้งเพศชายและเพศหญิงเมื่อเกิดอารมณทางเพศขึ้น หากความสามารถในการควบคุมอารมณและการ
จัดการในเรื่องดังกลาวไมดีพอ ก็มักจะสงผลใหเกิดปญหาทางดานสุขภาพจิตขึ้นได โดยเริ่มจากภาวะ
ทางดานจิตใจที่เกิดความเครียดขึ้น แลวนํามาสูภาวะของความวิตกกังวลที่เกี่ยวของกับเรื่องเพศ จน
อาจนําไปสูการขาดความเชื่อมั่นในตนเองได
2) ลักษณะการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับสภาพรางกาย
ขณะที่สภาพจิตใตมีการเปลี่ยนแปลงและแสดงออกถึงความตองการทางเพศ
ปฏิกิริยาของรางกายที่แสดงใหเห็นถึงภาวะความเปลี่ยนแปลงดังกลาวของรางกายจะเห็นไดชัดเจน
มากขึ้น โดยเฉพาะรางกายที่แสดงใหเห็นถึงภาวะความเปลี่ยนแปลงดังกลาวของรางกาย จะเห็นได
ชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะบริเวณอวัยวะเพศที่มีการไหลเวียนของเลือดที่สงมามากขึ้น สงผลให
อวัยวะเพศเกิดการขยายตัวเพศชาย พบวาบริเวณองคชาตหรือลึงค (penis) จะมีขนาดเพิ่มขึ้นและแข็งตัว
ขึ้น ผนังที่หุมอัณฑะ (Scrotum) จะหนาขึ้น ลูกอัณฑะจะเคลื่อนตัวสูงขึ้น
เพศหญิง พบวาบริเวณอวัยวะเพศนอกจากจะขยายตัวแลว บริเวณชองคลอด
อาจมีการขับน้ําหลอลื่นออกมา รวมทั้งกลามเนื้อบริเวณดังกลาวยังอาจเกิดการหดรัดตัวขึ้นเปนระยะ
นอกจากการเปลี่ยนแปลงบริเวณอวัยวะเพศแลว ผลจากการเกิดอารมณทาง
เพศยังสงผลใหการสูบฉีดเลือดของหัวใจเพิ่มขึ้น ทําใหเลือดไหลเวียนเพิ่มขึ้น เปนผลใหผิวหนัง
บริเวณที่สังเกตได มีการเปลี่ยนแปลงเปนสีแดงเพิ่มขึ้น เชน บริเวณใบหนา ลําคอ อก และหนาทอง
นอกจากนี้ ในเพศหญิงหัวนมและเตานมอาจมีการขยายตัวขึ้น
ผลกระทบดานลบที่เกิดขึ้นจากการเกิดอารมณทางเพศของวัยรุน จนนํามาสู
ปญหาทางสังคมที่เห็นไดชัดอีกประการหนึ่งในปจจุบัน คือ การมีพฤติกรรมทางเพศที่ไมเหมาะสม
ของวัยรุน ซึ่งนํามาสูปญหาตาง ๆ ตามมา เปนตนวา การเกิดปญหาการตั้งครรภที่ไมพึงประสงคใน
วัยรุน การเกิดปญหาการติดโรคทางเพศสัมพันธและโรคเอดสในวัยรุน โดยปญหาเหลานี้ถือวาเปน
ผลกระทบที่สืบเนื่องมาจากการเกิดอารมณทางเพศของวัยรุนที่ไมไดรับการควบคุมและจัดการที่
ถูกตองเหมาะสม ซึ่งผลกระทบดังกลาวถือไดวาเปนปญหาทางสังคมที่สําคัญอีกประการหนึ่งใน
ปจจุบันแนวทางในการจัดการกับอารมณทางเพศของวัยรุน การจัดการกับอารมณทาง
เพศของวัยรุนมีแนวทางการปฏิบัติที่สําคัญอยู 2 ลักษณะ ประกอบดวย แนวทางการปฏิบัติเพื่อระงับ
อารมณทางเพศ และแนวทางการปฏิบัติเพื่อผอนคลายความตองการทางเพศ
หลีกเลี่ยงการปฏิบัติหรือการทําตัวใหวางหรือปลอยตัวใหมีความสบายเกินไปเชน การนอนเลน ๆ โดยไมหลับ การนั่งฝนกลางวันหรือนั่งจิตนาการที่เกี่ยวของกับเรื่องเพศ การอยูในสภาพของบรรยากาศที่มีแสงสีเสียงที่กอหรือปลุกเราใหเกิดอารมณทางเพศอยางไรก็ตาม แมในทางจิตวิทยาและในทางการแพทยจะมีความเห็นที่สอดคลองกันวา การบําบัดความใครดวยตนเองโดยทั่วไปจะไมกอใหเกิดความผิดปกติทั้ง
ทางรางกายและจิตใจ แตก็ไมควรปฏิบัติบอยจนเกิดความหมกมุนตอเรื่องดังกลาว ซึ่งจะกอใหเกิดเปนลักษณะนิสัยซึ่งอาจสงผลลบตอบุคลิกภาพและความเขมแข็งทางดานการควบคุมอารมณที่ดีได ดังนั้น หากมีความจําเปนและไมสามารถที่จะหลีกเลี่ยงการปฏิบัติในเรื่องดังกลาวได ควรระลึกและคํานึงถึง
หลักการปฏิบัติที่เกี่ยวของใน 3 ลักษณะที่สําคัญ คือ ตองคํานึงในหลักของความสะอาดเปนพื้นฐาน
ตองคํานึงถึงสถานที่ในการปฏิบัติ คือ ตองมีความเปนสวนตัว ไมประเจิดประเจอ และตองไมปฏิบัติ
ดวยวิธีการที่รุนแรง ซึ่งอาจกอใหเกิดบาดแผล หรือมีการอักเสบ หรือติดเชื้อได
 1.5 การปรับตัวทางเพศเมื่อเขาสูวัยรุน
เมื่อเขาสูวัยรุน เพื่อชวยใหสามารถปรับตัวไดอยางถูกตองและเหมาะสมกับ
เพศของตนดียิ่งขึ้น วัยรุนควรมีแนวทางในการปฏิบัติ ดังนี้
1) ศึกษาใหเขาใจถึงการเปลี่ยนแปลงทางเพศของรางกายและจิตใจ เมื่อยาง
เขาสูวัยรุน เราจะสังเกตเห็นวามีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในตัวเราหลายอยาง บางอยางก็อาจทําใหเรา
ไมสบายใจ เชน วัยรุนชายบางคนไมอยากพูดคุยกับเพื่อนเพราะอายที่เสียงแตกพรา สําหรับวัยรุน
หญิงที่มีประจําเดือนเปนครั้งแรกอาจมีความรูสึกกังวลและมีอาการตาง ๆ เกิดขึ้น แตถาหากไดศึกษา
และทําความเขาใจเกี่ยวกับสภาพการเปลี่ยนแปลงดังกลาว จะทําใหเขาใจและสามารถปฏิบัติตนได
อยางถูกตอง
2) ปรับตัวเขากับเพื่อนตางเพศใหเหมาะสม วัยรุนเปนวัยที่มีการเปลี่ยนแปลง
ทางเพศหลายอยางทั้งชายและหญิงเริ่มมีความสัมพันธกันทางสังคมมากขึ้น ทําใหชายและหญิงตางมี
ความสนใจในเพื่อนตางเพศมากขึ้น การคบเพื่อนตางเพศไมใชสิ่งเสียหาย แตตองปฏิบัติตนอยูใน
ขอบเขตที่เหมาะสมและรูจักมารยาทที่ควรปฏิบัติตอกัน ดังนี้
ฝายชาย ควรใหเกียรติฝายหญิง ไมเกี้ยวพาราสีหรือฉวยโอกาส มีความ
บริสุทธิ์ใจ และควรใหความชวยเหลือฝายหญิง เชน ชวยถือของ สละที่นั่งให ไมแสดงกิริยาวาจาที่
ไมเหมาะสม เชน พูดจาหยาบโลน หรือใชกําลังรุนแรง เปนตน
ฝายหญิง ควรวางตัวใหเหมาะสม สงวนตัว ไมอยูในที่รโหฐานกับเพศตรง
ขามตามลําพัง ไมไปในที่เปลี่ยว แตงตัวสุภาพ ไมแสดงกิริยาวาจาที่ไมเหมาะสม เชน สงเสียงดัง หรือ
กลาวคําผรุสวาท เปนตน แสดงความมีน้ําใจและใหเกียรติฝายชาย
3) ควรรีบปรึกษาผูใหญเมื่อมีปญหาหรือมีอุปสรรคใด ๆ เกี่ยวกับเรื่องเพศ วัยรุน
สวนมากมักจะมีความวิตกกังวลในเรื่องตาง ๆ เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางดานรางกายและจิตใจ เมื่อ
มีปญหาเกิดขึ้นควรจะปรึกษาพอแม ครู ญาติพี่นอง และผูใหญที่ไววางใจ เพราะทานมีประสบการณ
มากกวาเรา ยอมจะชวยแนะแนวทางปฏิบัติที่ถูกตองใหแกเราได
4) ปฏิบัติตามขนมธรรมเนียมประเพณีอันดีงาม โดยการเคารพเชื่อฟงผูใหญ
หมั่นศึกษาเลาเรียน ไมประพฤติไปในทางชูสาวกอนเวลาอันเหมาะสม การยึดมั่นใน
ขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามจะชวยเตือนใจใหเราปฏิบัติในทางที่ถูก
2. วัยรุนกับการคบเพื่อน
วัยรุนเปนวัยที่ใหความสําคัญกับเพื่อนและตองการใหตนเองเปนที่นิยมชมชอบใน
กลุมเพื่อน การมีเพื่อนที่ดีจะทําใหวัยรุนมีผูที่คอยรวมทุกขรวมสุข ปรับทุกข ชี้แนะแนวทางในการ
แกไขปญหาอยางถูกตอง แตถาวัยรุนคบเพื่อนที่ไมดีก็จะชักนําไปสูทางที่ไมดี วัยรุนจึงควรรูจักเลือก
คบเพื่อนที่ดีและสรางความสัมพันธที่ดีกับเพื่อน ซึ่งจะชวยใหสามารถปรับตัวใหเขากับสังคมไดตอไป
2.1 หลักการคบเพื่อน
ควรมีหลักปฏิบัติในการคบเพื่อน คือวัยรุนควรพิจารณากลุมเพื่อนที่คบวามี
ความประพฤติเปนอยางไร ถาเพื่อนคนใดประพฤติตนในทางไมดี ก็ควรแนะนําและชักจูงใหเขา
ประพฤติในทางที่ดี รูจักปฏิเสธและไมหลงเชื่อคําชักชวนหรือปฏิบัติตามเพื่อนที่มีความประพฤติไมดี
เชน ชวนใหหนีเรียนเที่ยวกลางคืน เลนการพนัน เสพสารเสพติด เปนตน โดยในการพูดปฏิเสธนั้น
ใหปฏิบัติดังนี้ พูดดวยน้ําเสียงหนัก
แนนมั่นคง ควรบอกความรูสึกดีกวาบอกเหตุผลหรือขออาง เพราะความรูสึกเปนเรื่องสวนตัวของแต
ละบุคคล ถาบอกเหตุผลหรือขออาง เพื่อนอาจจะนําเหตุผลอื่นมาลบลางใหปฏิเสธไมได และรูจัก
แนะนําและชักชวนเพื่อนปฏิบัติกิจกรรมที่ดีและมีประโยชน เชน เลนกีฬา เลนดนตรี เรียน
ภาษาตางประเทศ เรียนคอมพิวเตอร เขารวมในกิจกรรมพัฒนาตาง ๆ ในชุมชน เปนตน โดยเลือก
ตามความสนใจและความเหมาะสมของตนเอง จะไดเปนการใชเวลาวางใหเกิดประโยชน
2.2 หลักทั่วไปในการผูกมิตร
หลักทั่วไปในการผูกมิตร มีแนวทางในการปฏิบัติ ดังนี้
1) รูจักยอมรับคําติชม เชน รับฟงความคิดเห็นหรือคําวิพากษวิจารณของผูอื่น
เกี่ยวกับตัวเราเองดวยความเต็มใจ เปนธรรม ไมลําเอียงเขาขางตนเอง และสามารถควบคุมอารมณได
2) รูจักอารมณขัน มองโลกในแงดี และควรเปนคนยิ้มงาย เปน
บุคลิกลักษณะที่ดีและเปนเสนหที่ทําใหผูพบเห็นหรือคบคาสมาคมดวยรูสึกชมชอบ เกิดความสุขและ
ความสบายใจ นับวาเปนสิ่งสําคัญยิ่งอยางหนึ่งที่จะนําไปสูการตอนรับและความรวมมือที่ดี
3) รูจักออนนอมถอมตน ไมคุยโออวดความสามารถของตน ไมพูดจาดูถูก
หรือยกตนขมผูอื่น และรูจักยอมรับขอบกพรองหรือความดอยของตนในดานตาง ๆ
4) รูจักรับผิดชอบตอหนาที่ เชน หนาที่สําคัญของนักเรียนคือเรียน ครูมี
หนาที่ใหการศึกษาอมรมแกนักเรียน นักศึกษา
5) รูจักประนีประนอม เมื่อเกิดปญหาหรืออุปสรรคขึ้น ควรจะมีการ
ประนีประนอมหรือรอมชอมกัน ซึ่งเปนวิธีการหนึ่งที่คนเราอาจตกลงกันไดอยางยุติธรรมและมี
เหตุผล
6) รูจักเอาใจเขามาใสใจเรา ใหคิดเสมอวาอะไรก็ตามที่เราเองไมชอบ ไม
ตองการใหผูอื่นกระทําตอเรา ก็จงอยากระทําสิ่งนั้นตอบุคคลอื่น และถาตองการใหบุคคลอื่นกระทํา
สิ่งใดตอเราก็จงกระทําสิ่งนั้นตอเขา
7) รูจักใหกําลังใจคนอื่น เชน ยกยองใหเกียรติ ใหกําลังใจผูอื่นดวยการ
ชมเชย รูจักแสดงความชื่นชมยินดีตอความสําเร็จของเพื่อนรวมหอง เพื่อนรวมงาน เปนตน
2.3 หลักในการสรางเสริมความสัมพันธอันดีกับกลุมเพื่อน
หลักในการสรางเสริมความสัมพันธอันดีกับกลุมเพื่อน มีแนวทางปฏิบัติ ดังนี้
1) รูจักตนเองและรูจักคนอื่น วัยรุนตองมีความเขาใจในความตองการของตน
และของเพื่อนยอมรับสภาพความเปนจริงของตน และยอมรับความแตกตางในตัวเพื่อนกับตัวเอง ไม
อิจฉาริษยาเพื่อนที่มีฐานะดีกวา หรือมีความสามารถมากกวา และไมยกตนขมทานหรือดูถูกเหยียด
หยามเพื่อนที่ดอยกวาตน แตใหยินดีกับความสําเร็จของเพื่อน และคอยชวยเหลือสนับสนุนเพื่อนหาก
มีโอกาส
2) มีมนุษยสัมพันธที่ดี รูจักพูด รูจักฟง เรียนรูที่จะพูดเรื่องตาง ๆ ในจังหวัด
ที่เหมาะสม เปดโอกาสใหเพื่อนไดแสดงความคิดเห็น และรับฟงความคิดเห็นของเพื่อน เอาใจใสใน
ตัวเพื่อน และใหความสําคัญกับเพื่อนดวยความบริสุทธิ์ใจ ตลอดจนมีความซื่อสัตยและจริงใจตอ
เพื่อน
3) การมองโลก ใหมองในแงที่เปนจริง ไมมองในแงดีจนเกินไป อันอาจถูก
หลอกลวงและคดโกงได แตไมมองคนในแงรายจนเกินไป อันจะทําใหเปนคนใจแคบ ไมรูจักการให
อภัย
4) มีน้ําใจเปนนักกีฬา ยอมรับผิดเมื่อรูวาตนผิด ปฏิเสธในสิ่งที่ตนไมสามารถ
ทําได เมื่อใหสัญญาอยางไรไวกับใครก็ตองพยายามทําตามสัญญานั้นใหดีที่สุด นอกจากนี้ยังตองรูจัก
เสียสละและใหอภัยแกเพื่อนเมื่อเกิดขอผิดพลาด โดยทําความเขาใจถึงสาเหตุที่ทําใหเกิดขอผิดพลาด
นั้น และรวมมือกันปรับปรุงแกไขตามสาเหตุที่เกิดขึ้นตอไป
หรือสงผลมากระทบ และเมื่อเกิดอารมณขึ้นก็มักจะพบวาพฤติกรรมการ
แสดงออกดังกลาว มักมีการเปลี่ยนแปลงหรือแตกตางไปจากสภาพเดิม ซึ่งสังเกตเห็นไดชัดเจนหรือ
อาจไมชัดเจน ทั้งนี้ขึ้นอยูกับความสามารถในการปรับสภาพอารมณของแตละบุคคล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น